0. เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมบางคนถึงคิดล่วงหน้าและคาดการณ์สิ่งต่างๆได้เก่งจัง?

ทำไมบางคนถึงรู้ว่าองค์กรต้องทำอะไรถึงจะชนะคู่แข่งคนอื่นได้?

ทำไมบางคนถึงรู้ว่าเขาต้องพัฒนาตัวเองยังไงเพื่อก้าวนำหน้าคนอื่น?

คำตอบคือเขามี “วิธีคิดแบบเป็นกลยุทธ์” หรือ “Strategic Thinking” ครับ ถ้าเราอยากเป็นคนที่ก้าวนำหน้าคนอื่นตลอดเวลา เราต้องเป็นนักคิดแบบกลยุทธ์ให้ได้ครับ

แล้วมันคืออะไร ต้องคิดยังไง ฝึกได้ไหม? วันนี้เธมส์จะเอาบทเรียนจากหนังสือ The Six Disciplines of Strategic Thinking ของคุณ Michael D. Watkins ผสมกับเทคนิคส่วนตัวมาเล่าให้ฟังครับ

1. กลยุทธ์ (Strategy) คืออะไร?

ผมชอบคำอธิบายของ ดร.ธนัย ชรินทร์สาร มากครับ เข้าใจง่ายและเห็นภาพสุดๆ

ดร. บอกว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เกิด

Superior long-term performance

Superior คือดีกว่า-เหนือกว่าคนอื่น

Long-term คือไม่ใช่แค่ในระยะสั้นแต่ต้องระยะยาว

Performance คือเกิดผลลัพธ์ที่ดี

สรุปคือ “สิ่งที่ทำให้เกิด Performance ที่เหนือกว่าคนอื่นในระยะยาว”

2. การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic thinking) คืออะไร?

การคิดเชิงกลยุทธ์จึงเป็น วิธีคิดไปข้างหน้า โดยผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งภายนอก-ภายใน เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ของอนาคตหลายๆแบบ ที่คุณจะเลือกเดินเพื่อสร้างความได้เปรียบให้ตัวเอง

คุณไม่ต้องทำงานในสายกลยุทธ์ คุณก็คิดเชิงกลยุทธ์ได้

3. โลกผันผวน Strategy จึงโคตรสำคัญ

โลกยุคนี้เรียกว่า VUCA world เป็นโลกที่ปัจจัยต่างๆมี

– ความผันผวน (Volatility)

– ความไม่แน่นอน (Uncertainty)

– ความซับซ้อน (Complexity)

– และความคลุมเครือ (Ambiguity) มาก ยิ่งวุ่นวายมาก การคิดเชิงกลยุทธ์ก็ยิ่งสำคัญ

4. VUCA ในทางปฏิบัติคืออะไร

เธมส์เอา VUCA มาอธิบายให้เห็นภาพจับต้องได้คือ สมมุติมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราสนใจ 4 ตัว ราคาน้ำมัน, ภาวะสงคราม, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเข้ามาของ AGI (Artificial General Intelligence)

– ราคาน้ำมัน วิ่งขึ้นลงไวมากในช่วงเวลาหนึ่งๆ อันนี้คือ ผันผวน (Volatility)
– ภาวะสงครามจะเกิด-ไม่เกิด อันนี้คือมี ความไม่แน่นอน (Uncertainty)

– พอมอง 4 ปัจจัยมาประเมินความสัมพันธ์กัน ปรากฎว่า เอ๊า ราคาน้ำมัน ก็เกี่ยวข้องกับภาวะสงคราม เกี่ยวกับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกี่ยวกับการพัฒนา AGI ด้วย ใช้พลังงานเยอะจัด! หลายปัจจัยเกี่ยวข้องมาก หัวจะปวด พอความสัมพันธ์ของปัจจัยมันหลากหลาย เลยเกิด ความซับซ้อน (Complexity) ขึ้น

– ทีนี้พอเรื่องที่เราสนใจมัน Complex มากๆ วิธีแก้ปัญหาของเราจะเริ่มคลุมเครือ (Ambiguity) แล้ว เอ๊ะ แก้ยังไงได้นะ ไม่มี playbook เว้ย แก้จากด้านเดียวก็ไม่ได้เว้ย เป็นงูกินหางอีก ก็ต้องนัวๆ กะๆ หาวิธีแก้จากหลายทางพร้อมกัน ทดสอบ de-risk กันไป

5. Strategic Thinking = RPM Process

จะคิดเชิงกลยุทธ์ ต้องทำกระบวนการ RPM คือ
.
[Recognize] รับรู้สถานการณ์ แกะ-วิเคราะห์ปัจจัย ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง

[Prioritize] จัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่พบ สิ่งทีต้องแก้ไข/ปรับตัว

[Mobilize] ขับเคลื่อน สร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา สร้าง vision และขับเคลื่อนคน

6. จะ [Recognize] กับ [Prioritize] ได้เก่ง ดี มี 3 สิ่งที่ต้องฝึก

[1] Pattern Recognition
ฝึกเรียนรู้ จดจำ Pattern ของสถานการณ์ เหตุการณ์ให้เก่ง อ่าน case study เยอะๆ วิเคราะห์ trend บ่อยๆ เราต้องเข้าใจ Pattern อดีตเพื่อวิเคราะห์-คาดการณ์ความเป็นไปได้ในอนาคตครับ (ใช้ Critical thinking ทำ Compare & Contrast ระหว่าง Pattern ที่มีในหัวเดิม กับเหตุการณ์ที่กำลังเจอ)

[2] Systems Analysis
ฝึกวิเคราะห์ระบบ แยกองค์ประกอบ หาความสัมพันธ์ และสร้างโมเดลระบบให้ได้ เพื่อ monitor ปัญหาและคาดการณ์ impact ได้ถูกจุด เช่น หา Bottleneck, ดู Threshold ของเรื่องที่สนใจ เพื่อเตรียมพร้อมเปลี่ยน mode การทำงาน หรือบังคับใช้มาตรการป้องกันพิเศษ ถ้าเกิดปัญหา

[3] Mental Agility
ฝึกคิดอย่างยืดหยุ่น รู้ว่าเมื่อไหร่ควรใส่ใจภาพใหญ่-ภาพเล็ก และเข้าใจทฤษฏีเกม เพื่อสร้าง Scenario และเลือกกลยุทธ์ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งในระยะยาวได้

7. ต่อมาต้องมา [Mobilize] จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ได้ ต้องทำอีก 3 สิ่ง (เลข [4]-[6])

[4] Structured Problem-solving
เมื่อรู้แล้วว่าปัญหาไหนสำคัญ แก้ก่อนหลังยังไง เราต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วย ถ้าเราอยู่ในองค์กร เราไม่ได้ลงมือทำเรื่องนี้คนเดียวแน่ๆถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นมี 5 ขั้นตอนที่เราใช้แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบได้ คือ

(1) กำหนดบทบาทและสื่อสารกระบวนการว่าใครมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้บ้าง
(2) กำหนดกรอบปัญหาให้ชัด ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
(3) หาวิธีแก้ที่มีศักยภาพและเป็นไปได้
(4) ตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสม
(5) ลงมือครับ ลุย! จัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม และรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง

[5] Visioning
สร้างวิสัยทัศน์เพื่อ convince และ motivate คนจ้าาา วิสัยทัศน์คือ “ภาพอนาคตที่เราอยากให้เป็นอย่างเฉพาะเจาะจง” ซึ่งบอกว่า “เราต้องทำอะไร” เพื่อไปให้ถึงภาพนั้น

เช่น SpaceX บอกว่า “To make life multi-planetary by establishing a self-sustaining city on Mars”,

Meta ตอนเปลี่ยนจาก facebook ก็พยายามจะบอกว่า “To bring the metaverse to life and help people connect, find communities, and grow businesses” หุๆๆ

[6] Political Savvy
เล่นการเมืองให้เป็น… ชีวิตจริงอ่ะเนาะ มันก็ต้องมีทั้งคนเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยในทุกการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว

เราต้องฝึกวิเคราะห์ Stakeholders และมีกลยุทธ์ในการ Influence คนด้วย เช่น แยกให้ได้ว่าใครเป็น กลุ่มผู้สนับสนุน-กลุ่มเป็นกลาง-กลุ่มผู้คัดค้าน, รู้ว่าควรคุยกับใครก่อน-หลัง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และสร้าง win-win solutions ให้ได้

8. สรุปทั้งหมดสั้นๆคือ

(1) โลก VUCA จัด เราต้องฝึก Strategic thinking ให้มี Superior long-term performance บ่อยขึ้น ใช้ได้กับทุกเรื่อง

(3) Strategic thinking คือกระบวนการ RPM (Recognize —> Prioritize —> Mobilize)

(4) จะ RP เก่ง ต้องฝึก [1] Pattern Recognition, [2] Systems Analysis, [3] Mental Agility

(5) จะ M ได้ ต้องฝึก [4] Structured Problem-solving, [5] Visioning, และ [6] Political Savvy

—-

“The Innovators Playbook”

– ปีนี้คิดว่าสิ่งที่เอามาเล่าให้ฟังจะมาใน Theme “The Innovators Playbook” ครับ
– เธมส์จะจัด Mindset, Skill, Knowledge มาให้อย่างต่อเนื่อง เอาให้ทุกคนมีคู่มือ (Playbook) ติดอาวุธที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองได้รวดเร็ว ตามสภาพแวดล้อมที่ก็หมุนไวซะเหลือเกินได้ครับ
– ฝากติดตาม Page และ 2050Podcast กันไว้ด้วยคร่าบบ จะได้ไม่พลาดสิ่งที่จะเอามาเล่าให้ฟัง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับบบบ  : )

ใครสนใจหนังสือ The Six Disciplines of Strategic Thinking เล่มนี้ดีเลย เธมส์ชอบบบ

มีแปลไทยแล้วด้วยโดย #amarin #howto ครับ สอยกันได้ที่ link ด้านล่างครับ

https://s.shopee.co.th/4fgJJj1nXf