1

ปี 2012 บริษัท Danish Oil and Natural Gas ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์กมีปัญหาด้านการเงินหนักมา บอร์ดบริหารเลยไปจ้าง Henrik Poulsen อดีต CEO ของ LEGO เข้ามาแก้ไขปัญหา

โดยปกติเวลาบริษัทเจอ Crisis ระดับนี้ สิ่งที่ CEO ใหม่เข้ามาแล้วมักทำเป็นอย่างแรกคือ การลดต้นทุนอย่างรวดเร็วผ่านวิธีการต่างๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งตัวเลขของบริษัทกลับมาดีขึ้น

Poulsen ไม่ได้คิดแค่นั้น เขามองว่านี่คือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงองค์กรตั้งแต่ระดับพื้นฐานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดการกลับมาอย่างยั่งยืนได้

สิ่งที่เขาทำคือการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Ørsted ตามชื่อของ Hans Christian Ørsted นักวิทยาศาสตร์ในตำนานของเดนมาร์กผู้ค้นพบทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า และรื้อ purpose องค์กรใหม่ โดยมุ่งไปต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก (Climage change) โดยการใส่ใจในการผลิตพลังงานสะอาดให้กับโลกแทน

2

หลายคนบอกว่าเขาบ้า นี่คือ Mission Impossible แต่ Poulsen ค่อยๆพาองค์กรเปลี่ยนถ่ายจากพลังงานสกปรกไปสู่พลังงานสะอาด โดยโฟกัสไปที่การลงทุนการผลิตพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind power) ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนของเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็การขยายฐานการผลิตหลักเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ผ่านการสร้าง Wind farms ในมหาสมุทรที่สหราชอาณาจักร รวมถึงการซื้อบริษัทชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา

ผลคือ ในปี 2016 Poulsen พาบริษัทเข้าตลาดหุ้น และทำให้ Ørsted กลายเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี มีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 3 พันล้านดอลล่า ตั้งแต่เริ่มการเปลี่ยนแปลงองค์กร จนปัจจุบันกลายเป็นบริษัทพลังงานลมชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ไม่ใช่แค่ Ørsted เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง แล้วเติบโต อยู่รอดต่อไปได้ Netflix, Adobe, Microsoft, Ping An (ผิงอัน), DBS group และบริษัทที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานอีกมากมายทั้ง Digital company/Traditional company ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง

3

ในฐานะของคนที่ทำหน้าที่ในด้านการสร้างนวัตกรรมองค์กร เธมส์หยิบหนังสือ Goliath’s Revenge ขึ้นมาอ่านด้วยความสนใจ หนังสือเล่มนี้สรุปถึงกฎ 6 ข้อที่เรา (องค์กรใหญ่) ต้องเล่นให้เป็น ถ้าอยากอยู่รอดในตลาด เติบโตต่อไป-ไปได้อีกหลายสิบปี ซึ่งประกอบด้วย

1) Deliver Step-Change Customer Outcomes

ต้องส่งมอบสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ให้ลูกค้าที่ดีกว่าเดิมได้หลายเท่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
.

2) Pursue Big Innovation and Little Innovation

ต้องเปิดรับไอเดียใหม่ๆ ใส่ใจ กระตุ้นและทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร ทั้งไอเดียใหญ่และไอเดียเล็ก ที่ทำให้องค์กรพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างกระบวนการในการสร้างนวัตกรรม (Innovation Process)
.

3) Use Data as currency

ต้องรู้จักใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ สำหรับการทำ Data analytics หรือการสร้าง AI ผ่านการทำ Machine Learning ที่จะช่วยให้เราสามารถ optimize business operation ต่างๆได้
.

4) Accelerate Through Innovation Networks

ต้องเร่งสปีดในสร้างนวัตกรรมผ่านการยอมให้คนอื่น (ทั้งภายใน/ภายนอก) เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมกับเราด้วย
.

5) Value Talent Over Technology

ต้องใส่ใจ ให้คุณค่ากับการพัฒนาคนผ่านทางการพัฒนาคนจากภายในควบคู่กับการจ้างคนจากภายนอก เพื่อให้สามารถ Implement เทคโนโลยี และนวัตกรรมได้
.

6) Reframe Your Purpose

ต้องเปลี่ยนกรอบของเป้าหมายองค์กรใหม่ Vision, mission องค์กรเป็นส่วนสำคัญมากที่จะบอกคนในองค์กรว่าเราจะทำอะไร และไม่ทำอะไร เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการให้คนในองค์กรสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกจากกรอบเดิมให้ได้ เราก็ต้องให้ความชัดเจนด้วยการกำหนดเหตุผลของการมีอยู่และเป้าหมายขององค์กรใหม่ด้วย ว่าองค์กรต้องการจะสร้างคุณค่าอะไรให้กับใคร สิ่งนี้สำคัญมากๆครับ

4

จากกฎ 6 ข้อนี้ จริงๆแล้วเวลาจะนำไปใช้ ต้องเริ่มจากการคิดข้อ #6 ให้ได้ก่อน แบบที่ Poulsen ทำ องค์กรต้องสำรวจ ตรวจตราว่า เป้าหมายขององค์กรยังสอดคล้อง ยังทำให้องค์กรอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องเปลี่ยน เพื่อเอื้อให้เกิดขอบเขตใหม่ๆให้คนในองค์กรได้ทดลอง ได้ค้นหา ได้สร้างสิ่งใหม่กันดู

หลังจากนั้นค่อยนำกฎข้อ #2, #3, #4, #5 มาใช้ มาสร้างสิ่งใหม่ควบคู่กันไป จนสุดท้ายทำให้องค์กรสามารถส่งมอบคุณค่าใหม่ให้ลูกค้าได้โดยอาศัยวิธีคิดในกฎข้อที่ #1 ในท้ายที่สุดนั่นเองครับ

ถ้าทำแต่อย่างเดิม องค์กรอาจอยู่รอดไปได้อีกแค่ไม่กี่ปี แต่ถ้าอยากให้องค์กรอยู่รอดได้ไปอีกหลายสิบปี องค์กรก็ต้องเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน
อย่าลืมกดแชร์ออกไป และกดติดตามกันไว้นะครับ

เพื่อนๆจะได้ไม่พลาดสิ่งดีๆที่เธมส์จะเอามาเล่าให้ฟังบ่อยๆครับ : )

—-

ps. หนังสือเล่มใหม่ของเธมส์
รื้อ สร้าง ต่าง โต Reinvent – 34 วิธีรื้อค้นและสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ เพื่อพร้อมรับมือการทำงานในโลกอนาคต
หาได้ที่ SE-ED, นายอินทร์, Kinokuniya, B2S และทั่วไปครับ

เธมส์thinkต่าง