ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับ Agile

ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับ Agile

เวลาเราพูดถึง Agile ในการทำงานบางคนจะเข้าใจว่า
อ๋อ พอเอา Agile มาใช้ในการพัฒนา Product ใหม่ หมายความว่าเราจะ Launch สินค้าออกสู่ตลาดได้ไวขึ้น หรืองานจะเสร็จตามแผนที่วางไว้ได้เร็วขึ้น ซึ่งจริงๆไม่ใช่เสมอไป

มุมมองของ Agile ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องของ

“การเพิ่ม speed ในการทำงานให้เสร็จ”

แต่มันอยู่ที่

“Speed ในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง”

เวลาพูดถึงการสร้างสิ่งใหม่ การสร้างนวัตกรรม เราจึงเห็นคำว่า Agile เข้ามาควบคู่กันเสมอ เพราะการทำงานมันต้อง Deal กับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เจอกับความล้มเหลวในการทดสอบสมมติฐาน การถูกปฏิเสธไอเดียจากลูกค้าตลอดเวลา

การจะมานั่งวางแผนอย่างละเอียด ทำ Business Plan หนาๆ มีที่มาของตัวเลขเป๊ะๆ จึงไม่ใช่คำตอบของการทำงานที่เอื้อต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอีกต่อไป

(note: แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งองค์กรไม่ต้องทำนะ อย่าเข้าใจผิด Business ไหนที่มี building block ทางธุรกิจที่ settle แล้ว มีรากฐานในการ run ธุรกิจมั่นคงอยู่แล้ว การทำแผน ทำ forecasting ต่างๆ มันก็พอมีเหตุผลให้ดูแล้วสมเหตุสมผลอยู่ เพราะสมมติฐานทางธุรกิจที่สำคัญมันมีอยู่แล้ว)

Agile จึงเป็นเหมือน backbone เป็น core หลักคิด สำหรับคนที่ต้องทำงานในด้านการสร้างสิ่งใหม่ เพื่อให้สามารถหมุนวงล้อของการเรียนรู้ (feedback loop) และปรับตัว ปรับทิศทางให้กับการสร้างสิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว


แล้วจริงๆ Agile คืออะไร มันคือแบบไหน?

จริงๆเพื่อนๆไปหาอ่านทฤษฎีกันได้ครับ แต่เธมส์อยากจะชวนคุยด้วยวิธีคิดง่ายๆเลยคือ

แค่เราตั้งต้นจากเป้าหมายว่า “ฉันจะต้องปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ได้” จากเป้าหมายที่ว่านี้ เราจะทำอย่างไรเพื่อทำให้ตัวเองหรือองค์กรสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ไวขึ้นบ้าง?

  • มี Transparency ในการสื่อสารมากขึ้นดีไหม?
  • ลด Silo เพื่อให้การตัดสินใจในการทำงานไวขึ้นได้หรือเปล่า?
  • สร้างทีมที่บริหารจัดการเสร็จสรรพในตัวเองได้ ตัดสินใจและลงมือทำได้รวดเร็ว?
  • เมื่อ Requirement ของลูกค้า (ภายใน หรือภายนอก) เปลี่ยนไป เรายินดีจะคิด จะปรับแก้ให้ ไม่ได้เอาแต่บอกว่าก็ระบบมันเป็นแบบนี้ มันทำได้แบบนี้ มันทำกันมาแบบนี้?
  • กล้ายอมรับกับความล้มเหลว เพื่อจะเปลี่ยนทิศทางไปหาโอกาสใหม่ได้ แทนที่จะไม่ยอมแพ้ ทู่ซี้อยู่กับสิ่งที่ไม่สร้างรายได้ ไม่สร้างโอกาส?
  • และอื่นๆอีกมากมาย

ที่ผมเชื่อว่าเพื่อนๆก็คิดและทำได้ ถ้าตั้งโจทย์แบบนี้
เวลาเราพูดถึง Agile ในการทำงาน มันไม่ได้หมายความว่าเราจะออกสินค้า
เราจะทำงาน “เสร็จ” กันไวขึ้นหรอกครับ แต่สิ่งที่เราทำจะ “สำเร็จ” มากขึ้นตรงทิศตรงทางกับโลกมากขึ้น

ซึ่ง “เสร็จ” กับ “สำเร็จ” นี่ไม่เหมือนกันนะ
ออกสินค้าได้คือ เสร็จ เออ เสร็จละ จบละ
ส่วนจะขายได้ไม่ได้ ตอบโจทย์ลูกค้าไหมนี่อีกเรื่องหนึ่ง
แต่สำเร็จคือ ออกไปแล้ว ขายได้
ตอบโจทย์ลูกค้า มีประโยชน์ต่อคนอื่นจริงๆ

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ของงานที่ออกมาต่างกันระหว่าง เสร็จ กับ สำเร็จ ในยุคนี้คือ “ความไวในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง”

Product ที่เราเคยเชื่อว่าจะสำเร็จแน่ๆ มี requirement ชัดเจน มีตลาด มีเหตุผลรองรับชัดเจนจากผลการ survey เมื่อปีก่อน กับปีนี้ก็ไม่เหมือนกันแล้ว กว่าจะทำออกมาได้ ตลาดก็เปลี่ยนไปแล้ว จากที่เคยคิดว่าจะสำเร็จ ก็กลายเป็นแค่เสร็จไปเฉยๆ

จากทั้งหมดที่เล่ามาต้องการจะบอกว่า การทำงานบนพื้นฐานความคิดของ Agile จึงสำคัญ เพราะมันจะทำให้คุณ steer ทิศทางของตัวเองให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ถูกทิ้งไว้ในโลกการทำงานแบบเดิมนั่นเองครับ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ และอย่าลืมแบ่งปันออกไป ถ้าคิดว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆของทุกคนครับ : )


ชวนติดตามช่อง #2050Podcast – พ็อดแคสต์ที่จะช่วยให้คุณรื้อค้น และสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ ให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกอนาคต

Apple podcast: apple.co/39u9zQI
Spotify: spoti.fi/36flUGo
Soundcloud: https://bit.ly/3dbj742
Podbean: www.podbean.com/ei/dir-dqcdd-7967659

เธมส์thinkต่าง #2050Podcast

Learning strategies ทำความเข้าใจกับการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ด้วย Learn – Unlearn – Relearn

Learning strategies ทำความเข้าใจกับการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ด้วย Learn – Unlearn – Relearn

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในโลกยุคใหม่ เราะจะเจอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี กระทั่ง Black swan event อย่าง COVID-19
.
สิ่งเหล่านี้บังคับให้เราต้องมีความสามารถที่จะเรียนรู้ ที่จะปรับตัวให้ได้รวดเร็วกับสถานการณ์ใหม่ๆไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบให้ได้
.
ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำมี 3 อย่าง ซึ่งเป็นวงจรที่หมุนไปเรื่อยๆไม่รู้จบ วงจรของการ Learn-Unlearn-Relearn
.
เธมส์อยากชวนคุยถึงวงจรนี้ให้ละเอียดมากขึ้น ว่าแต่ละอย่างมันคืออะไรกันแน่

(more…)
Play at Work

Play at Work

ความจริงจังที่มากไป

บ่อยครั้ง, กลายเป็นสิ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ควรจะออกมาดี

ออกมาในด้านตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

เราน่าจะเคยได้ยินประโยคประมาณว่า “หมดเวลาเล่นแล้ว หมดเวลาสนุกแล้ว กลับไปทำงานกันเถอะ” หลายครั้ง คนทำงานมักเข้าใจว่าการทำงานกับความสนุกเป็นคนละเรื่องกัน เราไม่สามารถทำงานและ have fun ไปพร้อมๆกันได้ เราต้องจริงจังเพราะไม่ฉะนั้นงานจะออกมาไม่ดี ซึ่งเรื่องนี้ถูกกึ่งหนึ่งและผิดกึ่งหนึ่ง

(more…)
Work smart ทำยังไง?

Work smart ทำยังไง?

เนื่องจากมีหลายคนถามมาว่าเธมส์พอมี concept ในการบริหารงานมาแบ่งปันกันบ้างไหม วันนี้เธมส์เลยอยากเอา framework ทางความคิดที่ตัวเองใช้มาเล่าสู่กันฟังครับ (ขอออกตัวก่อนเลยว่าตัวเองไม่ได้เก่งอะไร และก็ยังต้องปรับปรุงหลายๆสิ่งต่อไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน)

(more…)
เราสร้าง Culture กันยังไง?

เราสร้าง Culture กันยังไง?

Culture องค์กรไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากกลุ่มคำที่ติดอยู่บอร์ดที่ต้องอัพเดทให้ดูเท่ ดูหรู ดูทันสมัยตามเทรนด์ของโลกอย่าง Innovative, resilient, creative
.
Culture ไม่ได้ถูกสร้างได้ด้วยวิธีการมาบอกว่า นายๆ เธอๆ องค์กรเรามี culture แบบนี้นะ เธอต้องทำแบบนี้นะ นี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ
.
ไม่, Culture มันไม่ได้ถูกสร้างแบบนั้น
.
ในการทำงานกลุ่มเล็กๆ culture จะถูก form ด้วยลักษณะของผู้นำ ลักษณะการ interaction ในการทำงาน พฤติกรรมที่กลุ่มคนเริ่มเคยชินในการปฏิสัมพันธ์ร่วมกันจะกลายมาเป็น Culture
.
แต่ในภาพใหญ่ขององค์กร การจะฝังคุณค่า ฝังความเชื่อที่องค์กรอยากให้พนักงานของตัวเองเป็นนั้น ต้องมาจากการกระบวนการออกแบบ Organization ออกแบบกระบวนการทำงาน ออกแบบ incentive ให้ align ไปกับค่านิยมและคุณค่าที่เราต้องการจะสร้าง
.
คุณไม่สามารถสร้างคนที่มีลักษณะของความ competitive ได้ในองค์กรที่ประเมินผลแบบแบ่งๆกันไป
.
คุณไม่สามารถสร้างคนที่กล้าเปลี่ยนแปลงได้ ในองค์กรที่เน้น punishment
.
คุณไม่สามารถสร้างคนที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ลงมือทำอย่างรวดเร็วได้ ใน organization ที่มี hierachy หลายระดับ มีความ bureaucratic สูง
.
คุณไม่สามารถสร้างคนที่ creative, innovative ในการสร้างสิ่งใหม่ได้ ถ้ายัง design incentive scheme ให้ความสำคัญแต่กับ short term revenue

Culture ระดับองค์กร ไม่ได้สร้างด้วยคำเท่ๆ ไม่ได้สร้างด้วยการ training ไม่ได้สร้างด้วยการไปป่าวประกาศพนักงาน แต่ต้องสร้างตั้งแต่การออกแบบ Organization กระบวนการทำงาน และ incentive ให้ align กับเป้าหมายที่องค์กรต้องการจะเป็น

เราสร้าง culture กันยังไง?

___

ติดตาม ช่องทางอื่นๆกันไว้ได้ครับ จะได้ไม่พลาด content ใหม่ๆหลายๆรูปแบบตามด้านล่างครับ : )
.
ช่อง #2050Podcast – พ็อดแคสต์ที่จะช่วยให้คุณรื้อค้น และสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ ให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกอนาคต
Apple podcast: apple.co/39u9zQI
Spotify: spoti.fi/36flUGo
Soundcloud: https://bit.ly/3dbj742
Podbean: www.podbean.com/ei/dir-dqcdd-7967659

เธมส์thinkต่าง #2050podcast

6 วิธี brainstom ผิดๆ ที่ทำให้ไอเดียดีๆไม่ได้เกิด (จาก Tom Kelly เจ้าพ่อ design thinking แห่ง IDEO)

6 วิธี brainstom ผิดๆ ที่ทำให้ไอเดียดีๆไม่ได้เกิด (จาก Tom Kelly เจ้าพ่อ design thinking แห่ง IDEO)

6 วิธี brainstom ผิดๆ ที่ทำให้ไอเดียดีๆไม่ได้เกิด (จาก Tom Kelly เจ้าพ่อ design thinking แห่ง IDEO)

ซัก 2-3 ปีที่ผ่านมา เธมส์ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเกี่ยวกับกระบวนการคิดและทำในการสร้างนวัตกรรมของ IDEO (Design firm ชั้นนำระดับโลก) ซึ่งเขียนโดย Tom Kelly นักออกแบบชั้นนำของโลก (พูดถึงผลงานขึ้นหิ้งของเขา ก็คงต้องพูดถึงการออกแบบ mouse ของ Apple ครับ)

ซึ่งวิธีการสร้างไอเดียที่ดีได้นั้น เราจำเป็นต้องมีไอเดียตั้งต้นให้มากไว้ก่อน ไม่ยึดติดกับความคิดแรก นั่นจึงเป็นที่มาของการระดมสมองเพื่อ generate คลัง idea ออกมานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม Tom บอกว่า หลายๆครั้งเราก็มีวิธีการ brainstorm ที่ผิดๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียเวลาใครหลายต่อหลายคนแล้ว ยังได้ไอเดียที่ไม่มีประสิทธิภาพออกมาอีกต่างหาก 

และนี่ก็คือ 6 วิธี brainstorm ผิดๆ ที่ทำให้ไอเดียดีๆไม่ได้เกิด ลองอ่านแล้วเอาไปตรวจเช็กตัวเองกันดูครับ

1. ให้คนที่มีตำแหน่งใหญ่ๆเป็นคนออกไอเดียก่อน ทำให้คนที่เหลือไม่กล้าเสนอไอเดียใหม่ๆ หรือถูกควบคุมทิศทางด้วยไอเดียตั้งต้นของคนที่มีตำแหน่งใหญ่กว่าตั้งแต่แรก

2. ให้พูดทีละคน เป็นรอบๆ โดยให้เวลาคนละเล็กๆน้อยๆ ไม่ให้มีโอกาสพูดคุยต่อยอดกันและกัน ซึ่งเอาจริงๆไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆเลย

3. ชวนแต่ expert มาทำการ brainstorm ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะ expert จะมีความรู้เชิงลึกเป็นหลัก เราอาจต้องการคนที่ลงมือทำจริง คนที่มีพื้นฐานความคิดที่หลากหลาย เช่น คนที่อ่านหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์เยอะๆ พวกเขาอาจไม่ได้มีดีกรีที่เหมาะสม แต่เขามักมี insight หลายๆอย่างที่เราต้องการเช่นกัน

4. ไป brainstorm กันข้างนอกที่ทำงานเสมอ ทำไมนี่ถึงเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่น่ะหรอ? สมมติว่าคุณเป็นหัวหน้า คุณคงไม่อยากให้ทีมงานของคุณมีความคิดสร้างสรรค์เต็มที่ก็ต่อเมื่อออกไปข้างนอกเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่คุณต้องการคือความคิดสร้างสรรค์ที่ลอยล่องไปทั่วทั้งที่ทำงานต่างหาก ต้องฝึกทำข้างในให้ชิน

5. อย่าตัดสินไอเดียตลกๆของคนอื่น ให้มีความสุขในการ brainstorm สนุกสนาน และคิดต่อยอดเพื่อเชื่อมโยงความเป็นไปได้ใหม่ๆออกมา

6. อย่าเขียนทุกอย่างลงไปอย่างละเอียด การเขียนทุกอย่างลงไปจะทำให้คุณไปใช้สมองอีกด้านแทน (สมองด้านซ้าย ด้านโลจิก) ซึ่งจะทำให้คุณหลุดโฟกัสจากความคิดสร้างสรรค์ (สมองด้านขวา) แทนที่จะเขียนโดยละเอียด ให้ใช้เป็นการวาดภาพง่ายๆ (doodle) ที่คุณรู้สึกสนุกกับมันจะดีกว่า

——-
ชวนติดตาม วิธีรื้อค้นและสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ (reinvent) ให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกอนาคต (ที่มี tech มาเกี่ยวข้อง) 
.
เล่าสู่กันฟังผ่านทาง podcast ครับ : )
.
Apple podcast :
https://itunes.apple.com/WebObjects/MZStore.woa/wa/viewPodcast?id=1467626378

Spotify
https://open.spotify.com/show/5QF2w54NdGGkfpYMWukT06?si=p5gdQnb2Qze07zitoeUQDw

Soundcloud
https://soundcloud.com/2050reinvent

#เธมส์thinkต่าง ผู้เขียน #thinkต่าง และ #เปลี่ยนงานประจำธรรมดาเป็นวิชาสร้างชีวิต 

See Less