อะไรคือความแตกต่างระหว่าง “ความรู้สึกก้าวหน้า” กับ “ความก้าวหน้าจริงๆ” ?

อะไรคือความแตกต่างระหว่าง “ความรู้สึกก้าวหน้า” กับ “ความก้าวหน้าจริงๆ” ?

อะไรคือความแตกต่างระหว่าง "ความรู้สึกก้าวหน้า" กับ "ความก้าวหน้าจริงๆ" ?

ในหนังสือ Atomic Habits มีอยู่ตอนหนึ่ง
ผู้เขียนเล่าถึงความแตกต่างระหว่าง
“การรู้สึกว่าตัวเองกำลังก้าวหน้า” (being in motion)
กับ “การลงมือทำอะไรบางอย่าง” (taking action)
ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน…
.
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น
สมมุติผมอยากเขียนหนังสือซักเล่มหนึ่ง
การหาไอเดียสำหรับเขียนหนังสือคือ being in motion
การอ่านหนังสือหลายๆเล่มเพื่อเติมไอเดียคือ being in motion
.
แต่ Taking action
คือการเอาตัวเองนั่งลงไปที่เก้าอี้
แล้วเริ่มขยับมือพิมพ์จริงๆ
.
สิ่งที่ต่างกันระหว่างสองอย่างที่ว่าคือ
Being in motion ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์
แต่ Taking action ทำให้คุณได้ผลลัพธ์จริงๆ
.
ในชีวิตเรามักทำอะไรหลายๆอย่าง
ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าเรากำลังก้าวไปข้างหน้า
รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมี progress
เช่น การวางแผนอนาคต การเรียนคอร์สออนไลน์
การอ่านหนังสือ หรืออีกหลายๆอย่าง
.
สิ่งเหล่านี้ทำให้เราแค่ “รู้สึก” ว่า ก้าวหน้า
ทั้งที่จริงๆแล้ว เราไม่ได้ก้าวหน้าอะไรเลย
.
อย่าให้”ความรู้สึก” ของความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวประด๋าว
มาทำให้เราไขว้เขว จาก “ความก้าวหน้าจริงๆ”
ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเรา “ลงมือทำ” เท่านั้น
.
อย่าให้ “ความรู้สึกดี” ที่เกิดขึ้นง่ายๆในระยะสั้น
มาเอาชนะการพาตัวเองไปลงมือทำ
ซึ่งอาจจะไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกก้าวหน้าในระยะสั้น
แต่ทำให้เกิด “ผลลัพธ์ที่เห็นผล” ในระยะยาวจริงๆ
.
แยกให้ดีครับว่า
อะไรคือ being in motion
อะไรคือ taking action
เพราะถ้าไม่แยกแยะให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้
เป็นไปได้ว่า
“เราอาจเสียเวลาผลัดวัดประกันพรุ่ง
ในการลงมือทำบางสิ่งซึ่งให้ผลลัพธ์จริงๆ
ไปกับการทำแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าก้าวหน้า
ซึ่งไม่ได้สร้างผลลัพธ์อะไรออกมาเลย”
.
แยกแยะให้ดีครับ ; )
—-
ps. 5 หนังสือธุรกิจที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านมาคืออะไร? แต่ละเล่มพูดถึงประเด็นไหนสำคัญๆบ้าง?
.
VDO นี้ เธมส์อยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ
.
อย่าลืม subscribe ช่อง #youtube กันไว้นะครับ เธมส์จะมี content ใหม่ๆ exclusive เฉพาะ youtube เท่านั้นมาให้เพื่อนๆได้ดูกันบ่อยๆครับ : )
.
ทำไมเราควรเลิกเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นเสียที?

ทำไมเราควรเลิกเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นเสียที?

บ่อยครั้ง, คุณ scroll หน้าจอมือถือไปมา
แล้วพบว่ามีคนเก่งๆ
คนที่ประสบความสำเร็จ
คนที่มีชีวิตดีๆกันอยู่เต็มไปหมด
.
เสียงหนึ่งในใจ แว่บเข้ามาว่า
“ทำไมฉันยังอยู่ตรงนี้”
.
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มี mindset ดีแค่ไหน
ถ้าไม่หลอกตัวเอง
ผมเชื่อว่าเราต่างมี moment นี้กันทั้งนั้น
.
Moment ที่เผลอเอา
“สิ่งที่แย่ที่สุดของตัวเอง
(ซึ่งจริงๆไม่ได้แย่ขนาดนั้น)”
ไปเปรียบเทียบกับ
“สิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น
(ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นเหมือนกัน)”
.
ชีวิตมันมีหลายด้าน
ไม่มีทางที่เราจะได้เห็นทุกด้านของชีวิตคนอื่น
เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลามาเปรียบเทียบ
ด้านที่แย่ที่สุดของเราในบางด้าน
กับด้านที่ดีที่สุดในบางด้านของคนอื่น
.
จะทำอะไรก็ไปทำ
แต่อย่าเอาเวลามาเสียกับเรื่องพวกนี้
.
ชีวิตคือการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
จะวัดว่าใครสำเร็จ ขึ้นอยู่กับว่า
คุณเอาไม้บรรทัดไปปักไว้ที่ช่วงเวลาไหน
.
วัดช่วงปีที่แล้ว Airbnb อาจดูประสบความสำเร็จ
วัดตอนนี้ ต้องบอกว่าพวกเขากำลังมีปัญหา
ที่ยกตัวอย่างนี้ต้องการจะบอกว่า
“Timing ของชีวิตคนมันไม่เหมือนกัน”
.
อย่าเสียเวลามานั่งเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น
ในสนามที่ทุกคนมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
วันนี้ยังไม่สำเร็จใช่ไหม?
ไม่เป็นไร ถ้าคุณยังคงลงมือทำต่อไป
ซักวันมันจะเป็นวันของคุณ
จะทำอะไร, ไปทำ
จบ.